หลังจากชงโอวันตินเสร็จ ตัวเราตอนวัยกะเปี๊ยก ก็ทำท่าทีขึงขังเลียนแบบผู้ใหญ่ หยิบหนังสือพิมพ์ชื่อภาษาไทย โลโก้สีเขียว มาอ่านข่าวฟุตบอลสักหน่อย สมัยนั้น นักเตะคนไหนที่ย้ายทีมด้วยค่าตัวมูลค่า 20 ล้านปอนด์ จะถือว่าน่าจับตามองเอามากๆ เพราะนี่คือมูลค่าเม็ดเงินมหาศาลในระดับที่เลือกซื้อ ‘สไตรเกอร์’ ฝีเท้าฉกาจได้เลย

พูดง่ายๆว่า “ถ้าเอ็งมาด้วยจำนวนสินสอดนี้ ห้ามมีการปรับตัวใดใด” ไม่อย่างนั้น สื่อจะพร้อมปูพรมถล่มให้หน้าแหกกันไปข้าง

หลายทศวรรษผ่านไป แม่เจ้าโว้ย! เด็กหนุ่มจากโมนาโก ทำสถิติใหม่สำหรับเด็กอายุแค่ 19 ปี ย้ายไป ปารีส แซงต์ เฌอแม็งต์ ด้วยวิธีเป็ด วิธีห่าน อะไรไม่รู้ล่ะ แต่ค่าตัวมันสูงถึง 160 ล้านปอนด์ นี่สิ 

ก็เข้าใจนะว่าไอ้เด็กนี่มันโคตรเก่ง เก่งในชนิดที่ว่า “ถ้าไม่เป็นซูเปอร์สตาร์ในอนาคต ใส่ช้างดาวมาเหยียบหน้าได้เลย” แต่แค่ไม่คิดว่าจะมีความเว่อร์วังขนาดนี้

ซึ่งเพียงขวบปีเดียวของการปรับตัว คิลิย็อง เอ็มบาปเป้ กลายเป็นดาวซัลโวสูงสุดของ ลีค เอิง ได้ถึง 4 ฤดูกาลติดต่อกัน โดยเฉพาะปีสุดท้ายที่ ‘เต่านินจา’ ถวายพานให้เพื่อนไปอีก 17 แอสซิสต์ กลายเป็นนักเตะคนแรกที่คว้ารางวัลแม่*ทั้งสองอย่างในคราวเดียวกัน

นอกจากคว้าแชมป์โลกไปแล้วในปี 2018 ไอ้เด็กนี่ยังริอาจทำสถิติทาบ ลีโอเนล เมสซี่ ในศึก เวิร์ล คัพ ที่ทำไป 9 ประตู จากฟุตบอลโลก 5 ครั้ง ในขณะที่ตัวมันเองเพิ่งลงเล่นไป 2 ครั้งเท่านั้น!

นอกจากนี้ เขายังยิงรวมไปทั้งสิ้น 250 ประตู ในเกมฟุตบอลทางการ ที่ได้รับการยอมรับจากองค์กรที่โปร่งใสที่สุดในโลกอย่าง FIFA (ถรุ้ย!) โดยลงเล่นน้อยกว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ปีกบัลลงดอร์ ถึง 150 เกมส์ และน้อยกว่าพี่เคราแพะ เมสซี่ อีก 19 เกมส์

จากที่เคยคิดว่า เราคงไม่ได้เห็น “พระเจ้า vs มนุษย์ต่างดาว” อย่างคู่หู โด้-เมส ไปอีกนาน สงสัยจะต้องเปลี่ยนความคิดซะแล้ว.